หัวข้อข่าว จาก ผู้จัดการออนไลน์
สืบเนื่องจาก
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผบ.ตร. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.สส.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าว พร้อมชุดสืบสวน บช.น.ร่วมแถลงผลการจับกุมแก๊งคนร้ายที่ร่วมปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย นายสิงห์ทอง หรือ ไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี ที่อยู่ 135/46 ตรอกอาคาร 7 แขวงและเขตคลองเตย กทม.และ นายเสาร์แก้ว หรือ แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ พร้อมของกลางเงินสด 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น อุปกรณ์ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องช็อตไฟฟ้า 3 อัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยจับกุม นายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน และจับกุม นายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ.เชียงราย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปปล้นบ้านของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่บ้านเลขที่ 77 ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 2 โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน บุกเข้าไปใช้เทปพันสายไฟมัดมือของแม่บ้าน 2 คน และเข้าไปในห้องน้ำชั้น 2 ได้เงินสดไป 5 ล้านบาท ก่อนขับรถกระบะหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายได้ทิ้งชะแลงเหล็ก 3 อัน คัตเตอร์ 1 อัน และผ้าปิดปากไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.บช.น.ได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า รถกระบะวีโก้ 4 ประตู ขับออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าไปยังถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และต่อมาได้มีประชาชนได้แจ้งเบาะแส ว่า พบบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมการใช้เงินเปลี่ยนไป โดยร่ำรวยผิดปกติ เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเป็น นายสิงห์ทอง จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ซึ่งพบพิรุธหลายอย่าง และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ จนกระทั่งยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง โดยมี นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่ที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เป็นหัวหน้าแก๊ง นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นามวงศ์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย นายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี ที่อยู่ 40 ม.5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ นายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่ที่ 449 ม.9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกระทำผิดด้วย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า แก๊งปล้นดังกล่าวได้ร่วมวางแผนมาหลายเดือนแล้ว มีการวนมาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายรอบ แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่ง นายวีระศักดิ์ ได้ติดต่อมาว่าเตรียมอุปกรณ์ในการลงมือครบถ้วนแล้ว พร้อมที่จะลงมือได้โดยมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องสัญญาณกล้องวงจรปิด เครื่องตัดสัญญาณประตูเลื่อนหน้าบ้าน หมวกไอ้โม่งไหมพรมสีดำ ถุงมือสีดำ เครื่องช็อตไฟฟ้า วิทยุสื่อสาร ชะแลงเหล็ก ในการลงมือ โดยในวันเกิดเหตุ นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี มารับ นายสิงห์ทอง กับพวกที่เหลืออยู่ ในห้องพักของนายสิงห์ทอง จากนั้น นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถมายังหน้าบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เปิดเครื่องตัดสัญญาณทั้งหมด และให้นายสิงห์ทอง ลงไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นเข้าไปจับแม่บ้าน 2 คน มาอยู่ในห้องครัวมัดมือแล้วพานำขึ้นไปในห้องนอน แล้วเปิดตู้เสื้อผ้ากรีดกระเป๋าเอาเงินใส่กระสอบที่เตรียมมา จากนั้นก็ขึ้นรถกระบะหลบหนีไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 16 พ.ย.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับคนร้ายทั้ง 6 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ก่อนจับกุมนายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน พร้อมของกลางเงินสด 500,000 บาท สร้อยทองหนัก 5 บาท 2 เส้น รวมมูลค่า 760,000 บาท และขยายผลจับกุมนายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ. เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท โดย นายเสาร์แก้ว ให้การรับสารภาพว่าได้ส่วนแบ่งจากการปล้นครั้งนี้กว่า 1 ล้านบาท จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ 4 คน จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี เคยมีประวัติคดีปล้นทรัพย์ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2525 และถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี
จากการสอบสวน นายสิงห์ทอง ให้การรับสารภาพว่า ได้วางแผนพร้อมกับดูลาดเลามานานประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมี นายวีระศักดิ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในวันเกิดเหตุได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมทั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วน นายคำนวณ คอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องของปลัด ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟและเงินสินสอดพวกตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
“ก่อนลงมือได้ให้นายคำนวณ เช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุคอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ก่อนจะตัดสินใจลงมือปล้น เบื้องต้นเงินที่พวกตนได้มาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดยเบื้องต้น นายวีระศักดิ์ ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์ เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของ นายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ตนได้เข้าปล้นครั้งนี้ ทราบมาว่า เป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ” นายสิงห์ทอง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4 ราย นั้น นายวีระศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครพนม นายคำนวณ หลบหนีอยู่ที่ชายแดนประเทศลาว ส่วน นายสมบูรณ์ และ นายพงษ์ศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปปล้นบ้านของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่บ้านเลขที่ 77 ซ.ลาดพร้าว 64 แยก 2 โดยกลุ่มคนร้ายอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน บุกเข้าไปใช้เทปพันสายไฟมัดมือของแม่บ้าน 2 คน และเข้าไปในห้องน้ำชั้น 2 ได้เงินสดไป 5 ล้านบาท ก่อนขับรถกระบะหลบหนีไป ซึ่งคนร้ายได้ทิ้งชะแลงเหล็ก 3 อัน คัตเตอร์ 1 อัน และผ้าปิดปากไว้ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ กก.สส.บช.น.ได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า รถกระบะวีโก้ 4 ประตู ขับออกจากที่เกิดเหตุมุ่งหน้าไปยังถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา และต่อมาได้มีประชาชนได้แจ้งเบาะแส ว่า พบบุคคลต้องสงสัยซึ่งมีพฤติกรรมการใช้เงินเปลี่ยนไป โดยร่ำรวยผิดปกติ เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่าเป็น นายสิงห์ทอง จึงได้เชิญตัวมาสอบสวน ซึ่งพบพิรุธหลายอย่าง และไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ จนกระทั่งยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพรรคพวกรวม 6 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ดังกล่าวจริง โดยมี นายวีระศักดิ์ หรือ โก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี อยู่ที่ 260 หมู่ 2 ต.แชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เป็นหัวหน้าแก๊ง นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือ เจี๊ยบ นามวงศ์ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 238 ม.7 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย นายสมบูรณ์ หรือ บูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี ที่อยู่ 40 ม.5 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย และ นายคำนวณ หรือ นวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี อยู่ที่ 449 ม.9 ต.หินเหล็กไฟ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกระทำผิดด้วย
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า แก๊งปล้นดังกล่าวได้ร่วมวางแผนมาหลายเดือนแล้ว มีการวนมาดูบ้านที่เกิดเหตุหลายรอบ แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่ง นายวีระศักดิ์ ได้ติดต่อมาว่าเตรียมอุปกรณ์ในการลงมือครบถ้วนแล้ว พร้อมที่จะลงมือได้โดยมีการใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องสัญญาณกล้องวงจรปิด เครื่องตัดสัญญาณประตูเลื่อนหน้าบ้าน หมวกไอ้โม่งไหมพรมสีดำ ถุงมือสีดำ เครื่องช็อตไฟฟ้า วิทยุสื่อสาร ชะแลงเหล็ก ในการลงมือ โดยในวันเกิดเหตุ นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถกระบะวีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ 1166 กาญจนบุรี มารับ นายสิงห์ทอง กับพวกที่เหลืออยู่ ในห้องพักของนายสิงห์ทอง จากนั้น นายวีระศักดิ์ ได้ขับรถมายังหน้าบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นได้เปิดเครื่องตัดสัญญาณทั้งหมด และให้นายสิงห์ทอง ลงไปเปิดประตูรั้ว จากนั้นเข้าไปจับแม่บ้าน 2 คน มาอยู่ในห้องครัวมัดมือแล้วพานำขึ้นไปในห้องนอน แล้วเปิดตู้เสื้อผ้ากรีดกระเป๋าเอาเงินใส่กระสอบที่เตรียมมา จากนั้นก็ขึ้นรถกระบะหลบหนีไป
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 16 พ.ย.เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวนขอออกหมายจับคนร้ายทั้ง 6 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ ก่อนจับกุมนายสิงห์ทอง ได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน พร้อมของกลางเงินสด 500,000 บาท สร้อยทองหนัก 5 บาท 2 เส้น รวมมูลค่า 760,000 บาท และขยายผลจับกุมนายเสาร์แก้ว ได้ที่บ้านพัก จ. เชียงราย พร้อมของกลางเงินสด 1,050,000 บาท โดย นายเสาร์แก้ว ให้การรับสารภาพว่าได้ส่วนแบ่งจากการปล้นครั้งนี้กว่า 1 ล้านบาท จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ 4 คน จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมต่อไป นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี เคยมีประวัติคดีปล้นทรัพย์ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2525 และถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี
จากการสอบสวน นายสิงห์ทอง ให้การรับสารภาพว่า ได้วางแผนพร้อมกับดูลาดเลามานานประมาณ 1 ปี แล้ว โดยมี นายวีระศักดิ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งทราบข่าวว่าที่บ้านหลังดังกล่าวมีเงินสดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก โดยในวันเกิดเหตุได้เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง พร้อมทั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ เข้าไปในบ้านทั้ง 5 คน ส่วน นายคำนวณ คอยดูต้นทางอยู่ข้างนอก เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้บุกเข้าไปขโมยเงินสดที่ใส่อยู่ในถุง และเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องของปลัด ซึ่งพบว่ามีเงินสดจำนวนหลายถุง ส่วนเงินภายในตู้เซฟและเงินสินสอดพวกตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่อย่างใด
“ก่อนลงมือได้ให้นายคำนวณ เช่าอพาร์ตเมนต์รายวันชั้นสูงสุดที่ใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุคอยดูความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน ก่อนจะตัดสินใจลงมือปล้น เบื้องต้นเงินที่พวกตนได้มาทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดยเบื้องต้น นายวีระศักดิ์ ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือ นายวีระศักดิ์ เป็นคนเก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งให้ลูกพี่ของนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นของ นายวีระศักดิ์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ตนได้เข้าปล้นครั้งนี้ ทราบมาว่า เป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ” นายสิงห์ทอง กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 4 ราย นั้น นายวีระศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่จังหวัดนครพนม นายคำนวณ หลบหนีอยู่ที่ชายแดนประเทศลาว ส่วน นายสมบูรณ์ และ นายพงษ์ศักดิ์ หลบหนีอยู่ที่ จ.เชียงราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี
ขอบ คุณ ข้อมูลข่าว จาก ผู้จัดการ ออนไลน์
เป็นงัยบ้าง ครับ เพื่อนๆ หลัง จาก ได้ อ่าน ข่าว รู้ สึก ตกใจ เหมือน ผม ไหม ครับ โอ้ บ้าน ท่าน ปลัด กระทรวง คมนาคม ทำไม่ท่าน จึงมี เงิน ให้ สด เก็บ ไว้ ที่ บ้าน เยอะ ขนาด นี้ ข้าราชการ บ้าน เรานี้ ล่ำช่ำ จริงๆ 200 ล้าน บาท ที่ ปล้น ไป แค่ เศษ 1/4 ของทั่ง หมด เท่านั้น โฮ้ ไม่ คน บ้าอะไร เก็บเงินสดไว้ที่ บ้าน เป็น พัน ล้าน บาท 1,000,000,000 บาท แค่ 200 ล้าน ทีเป็น ข่าว ก้อ มาโข แล้ว นี้ คุณ เอา เงิน มาจากไหน ขนาดนี้ เพี่ยงเงิน เดือน ข้าราชการ ชี่ 11 ผมว่า มันไม่น่าจะ สามารถ ร่ำรวย มีเงิน เป็น พัน ล้านบาท ( แต่ ส่วน ใหญ่ระดับนี้ ก้อ มีอย่างนี้ กันทั้งนั้น อิอิอิอิ) 200 ล้าน บาทนี้มันไม่ใช่ น้อย เลยนะ ครับ ทำไม่ ถึงกล้า เก็บไว้ ใน บ้าน ทำไม่ คุณ ปลัด ถึงไม่ ไปฝาก ธนาคาร จนเกิด เป็นเหตุ ให้ โจร รู้ ความ เคลื่อนไหว เงิน ได้ถึง ขนาดนี้ ทำไม่ ถึง เก็บ ไว้ที่ บ้าน แม้ แต่ นักธุรกิจ ระ ดับ พัน ล้าน ไม่มี ใคร กล้าเก็บเงิน ไว้ที่ บ้าน อย่าง นี้ หรอก ครับ หรื่อ กลัว คน ภาย นอก จะรู้ ว่า ท่าน มี เงิน หลาย ร้อย ล้าน แล้ว ไม่ สามารถ อธิบาย แหล่ง ทีมาที่ไปได้
โจร ปล้น ใน ครั้งนี้ผมว่าเขาว่างแผ่นมาดี มาก เขา ต้องรู้ว่าเงินดังกล่าว เป็น เงิน ที่ได้ มาจากไหน แล้ว จำ นวน เท่าไหร เพราะ ดู จากกการ เตรียม ความ พร้อม ของ กลุ่ม ผู้ ก่อเหตุ แล้ว ต้องทราบ อย่าง ดี ว่า บ้าน หลัง ดัง กล่าว มี เงิน สดเข้า ออกเป็น อย่างมาก และ ทราบ อีกด้วยว่าเป็น ของข้าราชการ ระดับ สูง ของ กระ ทรวง เพราะ ทราบ ที่ มา ของเงิน จึง ทำให้ ทั่ง หมดกล้า ปล้น เพราะ คิดว่า เงิน ดั่ง กล่าว ต้องได้มาโดยมิชอบ ตาม แหล่ง ข่าว ของโจร ทางเจ้า ของเงิน ชึ่งเป็น ปลัด กระทรวง ต้อง ไม่ กล้า แจ้ง ความ ให้เรื่องแดง แน่น นอน จึง ได้ กล้า ลงมือก้อเหตุ แต่ ผิด คาด ไป นิด และ เเมื่อ โดน จับ ได้ จึง ชัด ทอด เปิดโปง ข้อมูล ว่า บ้าน หลังดังกล่าวได้ชุกช่อนเงิน นับ 1000 ล้าน บาท
ชึ่ง ตาม ลักษณะ แล้ว มัน ผิด วิสัย ชาวบ้านชาว ช่อง มาก ครับ คุณ ปลัด เจ้า ของเงิน จะ ต้อง มี คำ ตอบ ที เป็น เป็น ผล และ แสดง ทีมา ของ รายได้ ก้อน นี้ ว่าท่าน ได้ รับ แต่ได มา ต้อง ชี้แจ้ง ให้ กระ จ่าง หากเงิน ดั่ง กล่าว ได้ มาโดย ชอบ ก้อดี ไป แต่ หากเงิน นั้น ได้ มาโดยการ ฉ้อ ราษฎร์ บัง หลวง แล้ว และ ก้อ ต้อง ลงโทษ อย่างสาสม และ หาก คดี นี้ เงียบ ไป ผมคิดว่า คน ไทย หลาย สิบ ล้าน คน ต้องไม่เห็น ด้วย อย่างแน่นอน หน่วย งาน รัฐ ที่ เกีั่ยว ข้อง ครับ ช่วย กรุณา แสดง หน้าที่ ในการ สอบ สวน ทีมาของเงิน ดั่งกล่าว ด้วย ครับ เพราะ คน ไทย ทั้ง ประเทศ ต่าง เฝ้า ติดตาม เรื่องนี้อย่าง จดจ่อ และ เราหวังว่า ความ จริงเรื่องนี้ จะ กระจ่างในเร็ววัน เพราะ ผม เป็น คน นึ่ง ที่ ต้องเสียภาษี และ คาด หวั่ง ว่า ภาษี ทีผม เสีย ไป นั้น จะ ตก ถึง พี่ น้อง ประชาชน ส่วน ใหญ่ จึง ไม่ แปลก หรอ ครับ หาก ผม และ เพื่อน ๆ ประชาชน ตาดำๆ ผู้ เสีย ภาษี จะติด ตาม เรื่อง ดัง กล่าว นี้ เพราะ นี้ ถ้าเป็น เรื่อง โกงบ้าน โกงเงิน ภาษี ของ ประชาชน มัน ก้อ เหนือน การ ปล้น เรา เงียบๆ และ ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น