จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู้ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว





หลาย ท่าน อาจ เคย อ่านมาบ้าง และ หลาย ท่าน อาจยังไม่ เคย ได้ ยิน หรือ อ่าน มา ว่า โดย เรื่อง ราว สมัย พุทธกาล กล่าว ถึง เศรษฐี ผู้ หนึ่ง ชึ่ง สร้าง เนื้อ สร้าง ตัว ด้วย หนู ตาย ตัวเดียว โดยอาศัย สติ ปัญญา และ ความ ไม่ หยุด คิด หยุด ทำ ชึ่ง เป็น เรื่องที ให้ แรง บรรดารใจ เป็น อย่างมาก




การ ที คน คน หนึ่ง จะสามารถ ประสบ ความ สำเร็จ ใน ชีวิต นั้น ชาติ ตระกูล ฐานะ มันมิใช่ สิ่ง ที จะ หยุด ให้เรา ไม่ กล้า คิด กล้า ทำ ทุก คน ล้วน เท่าเทียม กัน ในการที จะ แสวง หา โอกาศ ในการที เราจะทำ ใน สิ่ง ทีเรา รัก เพราะ หากเรา ใช้ สติ ปัญญา และ ไม่ หยุด คิด และ ลงมือทำ แล้ว ก้อ ทำ หน ทาง แห่ง ความสำเร็จ นั้น มัน อยู่ แค่ มือเรา อยู่ทีว่า เรา จะยืน มือ ไป คว้ามัน ได้แค่ ไหน


อย่า ท้อ ใน โชค ชะตา อย่า โทษ ใน ชึ่ง ชิ่งมิอาจ ทำให้เรา ประ สบ ความสำเร็จ ได้ ทุกสิ่งทุก หาก มี ความ ฝัน ความ ทะเยอทะยาน แล้ว ลง มือ ทำ อย่าง แน่ แน่ว แล้ว ผม เชื่อ ว่า มัน ต้อง เป็น วัน ของเราในที่สุด ทำในสิ่ง ที รัก รัก และ อยู่ กับ สิ่งทีเรา ทำนั้น อย่างสร้าง สรรค์ และ ไม่ หยุด ในการ แสวงหา ความรู้ เพราะ วัน หนึ่ง คุณ ได้ ใช่ มัน แน่นอน

อีก หนึ่ง บุคคล แห่งแรง บรรดารใจ ผู้ ชึ่ง ชาวไทย และ ชาว โลก ส่วนมาก ยังรู้จัก ท่าน น้อยอยู่

จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู็ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว


เมืองพาราณสีมีอดีตแห่งศิลปวัฒนธรรมที่ยาวนาน นานเคียงคู่กันมากับชมพูทวีป ดินแดนแห่งอารยธรรม และความมั่งคั่งในโบราณสมัย พาราณสีคับคั่งไปด้วยผู้คนทุกระดับชั้นของเศรษฐกิจตั้งแต่ยาจก คนเข็ญใจ ผู้ใช้แรงงาน นักคิด และพ่อค้าผู้มั่งคั่ง ในบรรดาพ่อค้าเหล่านั้น มีเรื่องพ่อค้าคนหนึ่งน่าสนใจมาก เพราะเขาได้ใช้ความเฉลียวฉลาดของเขาพาตนให้พ้นจากความยากจน จนกระทั่งในที่สุด ได้รับตำแหน่งเป็นเศรษฐีแห่งพระนคร อันเป็นตำแหน่งที่พ่อค้าจำนวนมากอยากได้ เพราะเป็นการยืนยันความมั่งคั่งของเขาว่าถึงระดับที่พระราชาก็ยอมรับ ตำแหน่งนี้ได้มาโดยการแต่งตั้งจากพระราชาเท่านั้น วิธีการทำธุรกิจของเขาซึ่งเล่าขานสืบต่อกันมาจากคนรุ่นพ่อรุ่นลูก รุ่นแล้วรุ่นเล่า จนกระทั่งในที่สุดมีผู้จดจารึกลงไว้เมื่อเกือบสองพันปีมาแล้ว ยังเป็นบทเรียนที่ไม่ล้าสมัยแม้ในปัจจุบัน

ท่านเศรษฐีได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า

เมื่อเรายังหนุ่มอยู่นั้น เราเป็นกำพร้า เพราะพ่อแม่ของเราตายไปแล้วตั้งแต่เรายังเด็ก เหลือเราซึ่งเป็นลูกคนเดียว เราก็ได้อาศัยคนอื่นและรับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆตามแต่ว่าจะมีใครมาจ้าง ด้วยแรงงานของเรา เรายากจนมาก และไม่รู้จะประกอบการงานใดเพื่อเลี้ยงชีพให้รุ่งเรืองขึ้นมาได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังเก็บกวาดใบไม้อยู่บริเวณถนนหลวงหน้าบ้านท่านจุลลกะท่านเศรษฐีกำลังจะออกไปธุระนอกบ้าน เดินผ่านหน้าเราไป และแลเห็นหนูตายตัวหนึ่งอยู่กลางถนน ซึ่งยังไม่มีใครเก็บกวาดไปทิ้งท่านเศรษฐีได้กล่าวลอยๆขึ้นมาว่า คนมีปัญญาย่อมใช้หนูตัวนี้ให้เป็นประโยชน์เลี้ยงลูกเมียและประกอบการงานได้ เรายืนอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น ย่อมได้ยินคำพูดของท่านเศรษฐี เราคิดเพียงว่า ท่านเศรษฐีคงตั้งใจพูดให้เราได้ยิน และท่านคงมองเห็นว่าหนูจะกลายเป็นเงินทองได้ เราเห็นหนูตายมาหลายครั้งหลายหนแล้ว ก็รอแต่ว่าให้เจ้าพนักงานหรือผู้มีหน้าที่มาเก็บไปเหมือนกับที่เราเก็บกวาดใบไม้แห้งนี่เอง เมื่อท่านเศรษฐีพูดเช่นนั้นท่านคงมองวิธีทำเงินให้งอกเงยขึ้นมาจากหนูตัวนั้น แม้เรายังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไปกับหนูตัวนั้น เราซึ่งเป็นคนยากจนก็ควรจะเชื่อท่านไว้ก่อน เราจึงหาใบไม้สะอาดๆมาใบหนึ่ง เก็บหนูตัวนั้นวางบนใบไม้ แล้วนำไปที่ตลาด ตั้งใจว่าจะลองไปนั่งขายที่ตลาดดู เราคิดว่าไม่เสียหายอะที่จะเสียเวลาไปตลาด เราเองก็มีเวลามากมายที่ไม่รู้จะใช้ทำอะไรอยู่แล้ว ทางเดินไปตลาดต้องผ่านบ้านพราหมณ์ครอบครัวหนึ่ง พอคนใช้ในบ้านพราหมณ์เห็นว่า เราถือหนูตายเดินไป ก็ร้องให้หยุดก่อน แล้วเข้าไปแจ้งเจ้านายของเขา พราหมณ์ผู้เป็นนายกำลังต้องการอาหารให้แมวที่เลี้ยงเอาไว้ แมวชอบหนูอยู่แล้ว และซื้อหนูตายถูกกว่าจะไปหาซื้อเนื้อชนิดอื่นๆมาเป็นอาหารให้แมว เราจึงขายหนูไปได้ตั้งแต่ยังไม่ได้ไปถึงตลาด เราได้เงินมากากณึกหนึ่ง

หนูตัวหนึ่งที่เคยแต่ต้องเสียเงินจ้างคนมาเก็บไปทิ้ง ยังสามารถสร้างเงินขึ้นมาได้ ปัญหาของเราอยู่ที่ว่า จากนั้นเราจะทำอะไรต่อไปได้ เพราะเราคงจะไม่สามารถหาหนูตายไปขายได้ทุกวัน หรือถึงหาได้ คนซื้อหนูตายก็อาจจะไม่ได้มีทุกวัน วันที่ขายหนูได้น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ

แต่สิ่งของย่อมมีวันหมด ท่านต้องการหาวิธีการที่จะทำให้ของที่คนไม่ต้องการไปเจอกับคนที่ต้องการของนั้น และของที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงก็คงไม่มีมากพอจะทำให้เราสามารถสร้างตัวได้ เรานึกถึงแต่คำของท่านเศรษฐีจุลลกะที่ว่า คนมีปัญญาย่อมใช้หนูตัวนี้เลี้ยงลูกเมียและประกอบการงานได้ แต่ท่านยังไม่มีลูกเมีย จึงมุ่งที่ว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ได้เงินมาจากหนูตายทำให้เราประกอบการงานได้ หัวใจอยู่ที่ว่า เราต้องใช้ปัญญา เราเที่ยวเก็บหนูตาย และเศษสิ่งของต่างๆเพื่อนำไปขายในตลาด หาเงินมาเพิ่มเติมดังที่ท่านพูดเหมือนกัน และเราก็พบว่ากิจการเช่นนี้ไม่ยั่งยืน เพราะของมีวันหมด และยากที่จะเลี้ยงชีพหรือประกอบการงานด้วยการเก็บเศษขยะได้ตลอดไป ในเมืองพาราณสีนี้ มีการบูชาเทพต่างๆเป็นเรื่องประจำ และราชสำนักก็ใช้ดอกไม้จำนวนมากทุกวัน

วันหนึ่งขณะที่เรานั่งพักเหนื่อยที่อยู่ใกล้ประตูเมือง พร้อมกับตั้งคำถามว่าเราควรจะทำอย่างไรต่อไป ปัญญาจะมาจากทางไหนที่จะสร้างเงินให้เราได้ วันนั้นเราสังเกตเห็นสิ่งที่ผ่านตาเราไปจนชินโดยที่เราไม่ได้สังเกตมาก่อน เราเห็นช่างเก็บดอกไม้ทูนดอกไม้ที่เก็บมาแล้ว เดินกลับเข้าเมืองมาอย่างเร่งรีบ ท่าทางเขาอิดโรยเพราะอากาศเริ่มร้อน และเขาต้องออกไปแต่เช้าตรู่ก่อนตะวันขึ้น เรานึกในใจว่า นี่ถ้าเราเป็นช่างดอกไม้ แล้วมีใครให้น้ำเราดื่มสักหน่อยเราจะพอใจเป็นอย่างมาก ความคิดหนึ่งวาบขึ้นมา เราพอมองเห็นลู่ทางจะทำเงินหนึ่งกากณึกให้เป็นเงินกหาปนะได้ แม้เราจะไม่มั่นใจนัก เราก็จะลองดู เผื่อจะเป็นช่องทางทำมาหากินได้ ถ้าไม่ได้ก็ถือเสียว่าเราได้ทำความดีต่อเพื่อนผู้หาเช้ากินค่ำเช่นเดียวกับเรา เรานำเงินเล็กน้อยที่เรามีไปซื้องบอ้อยมา แล้วหาหม้อใบหนึ่งตักน้ำไป เรานำน้ำนั้นตั้งที่ทางจะเข้าประตูเมืองในเวลาสาย ตอนที่ช่างดอกไม้จะกลับมาจากป่า เมื่อช่างดอกไม้เดินมาจะผ่านประตูเข้าเมือง เราก็เสนอให้ชิ้นน้ำอ้อยคนละหน่อยหนึ่งแล้วให้ดื่มน้ำหนึ่งซองมือ พวกช่างดอกไม้แต่ละคนไม่ใช่คนมั่งคั่งที่จะมีเงินซื้อน้ำดื่ม แต่เขาก็พอใจที่ได้บริการจากเรา เพราะเขาก็หิวน้ำแต่ละคนแบ่งดอกไม้ให้เราคนละกำมือ ท่านนึกออกหรือไม่ว่าดอกไม้คนละกำมือจากหลายๆคนรวมกันแล้วเราได้ดอกไม้วันละกี่กำ เมื่อได้ดอกไม้มาแล้ว เราก็นำไปนั่งขายอยู่ที่หน้าเทวาลัยเช่นเดียวกับพ่อค้าดอกไม้คนอื่นๆ ดอกไม้ของเราก็สดและงามไม่แพ้คนที่มีเงินจ้างคนไปหาของในป่า หรือคนที่มีแหล่งปลูกดอกไม้ของตนเอง แต่เราก็คิดได้ว่า เราคงไม่สามารถยึดเอาบริการน้ำเพียงแค่นี้เป็นการอาชีพได้ เพราะเมื่อเห็นเราทำแล้ว ใครๆก็คงจะทำเป็น


เราจึงเปลี่ยนวิธีการ เลิกเป็นพ่อค้าขายดอกไม้ที่ได้รับมาเป็นค่าตอบแทนสำหรับน้ำอ้อย เราเลือกพ่อค้าส่งดอกไม้แทนเพื่อไม่ต้องเสียเวลานั่งขายดอกไม้ เราได้เงินน้อยลงแต่เรามีเวลามากขึ้น เราเริ่มตื่นแต่เช้าตรู่ไม่แพ้ช่างดอกไม้ ในขณะที่ช่างดอกไม้ไปเก็บดอกไม้ เราก็ไปซื้ออ้อย และแบกน้ำตามไป เรานำน้ำไปบริการจนถึงสวนดอกไม้ ไม่ต้องรอให้ลูกค้าน้ำอ้อยเดินมาถึงตัวเราที่ประตูเมือง ช่างดอกไม้ออกไปหาดอกไม้เหมือนเช่นเคย แต่เขาเก็บดอกไม้ได้นานขึ้น เพราะมีคนยอมแบกน้ำออกไปบริการเขาเราได้งบค่าอ้อยและค่าน้ำเป็นดอกไม้มากกว่าที่เราจะได้เมื่อบริการน้ำที่ประตูเมือง ขาไปเราแบกของหนักไปคือน้ำ ขากลับเราแบกของเบากลับมาคือดอกไม้ แต่ว่าของเบานั้นทำเงินให้เรามากกว่าของหนักที่ไม่มีราคาในตัวของมันเอง แต่ว่าเป็นช่องทางให้เราได้ของเบาคือดอกไม้กลับมา

เราได้สินค้ามาด้วยการแลกเปลี่ยนกับบริการของเรา ถ้าเราเลือกบริการที่ถูกต้อง คือถูกสถานที่ ถูกเวลา ถูกความต้องการของผู้ซื้อ เราย่อมค้าขายได้กำไร

ไม่มีใครทำอะไรเป็นมาตั้งแต่เกิด เราก็ทำไม่เป็นจนกระทั่งวันที่เรานำหนูตายไปขาย เรารู้แต่ว่า เราไม่ต้องการดอกไม้เพื่อไปบูชา หรือไปร้อยเล่นเป็นเครื่องประดับ แต่เราไม่ปฏิเสธที่จะได้รับดอกไม้มาแทนเงิน เราต้องใช้ความพยายามอีกส่วนหนึ่งที่จะหาวิธีแปลงสิ่งที่เราได้มาให้เป็นสินค้าให้ได้ ถ้ามันยังเป็นสิ่งของอยู่ในใจของเรามันก็ไม่เป็นเงิน เมื่อเริ่มตั้งไว้ในใจว่านั่นเป็นสินค้าเมื่อไร เมื่อนั้นสิ่งนั้นจะนำเงินมาให้ เพราะผู้คิดเช่นนั้นเริ่มมีหัวการค้าแล้ว เราทำการบริการช่างดอกไม้อยู่หลายเดือน รวบรวมเงินได้8กหาปณะ

พอเห็นเราได้รายได้ คงมีคนทำตาม และคงมีช่างดอกไม้บางคนเริ่มได้คิด แล้วนำน้ำติดตัวออกไปเอง เขาก็จะมีดอกไม้เหลือมากขึ้น เพราะไม่ได้แบ่งให้กับคนขายน้ำ การคิดริเริ่มบางอย่างไปกระตุ้นความคิดให้ผู้อื่นหาทางแก้ปัญหาในทางอื่นๆได้ด้วย

นี่เป็นวิวัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงไม่เคยหยุดนิ่ง แม้ในเรื่องการทำมาค้าขาย พ่อข้าพเจ้าเคยสอนไว้เสมอ แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าใจจนกระทั่งวันนี้



วันหนึ่งโชคก็มาถึงเราโดยที่เราไม่ได้คาดคิด วันนั้นเป็นวันหนึ่งตอนต้นฤดูฝน เกิดมีพายุฝน คือฝนตกหนักและลมแรง กิ่งไม้แห้ง กิ่งไม้อ่อน และใบไม้เป็นอันมาก ในพระราชอุทยานถูกลมพัดตกลงมาเกลื่อนกลาด และมีกิ่งไม้ใหญ่หักลงมาด้วย คนเฝ้าสวนไม่เห็นวิธีจะนำไปทิ้งได้ในเวลาอันรวดเร็ว เขาเป็นกังวลมากกว่าจะจัดการอย่างไรพระราชอุทยานจะเรียบร้อยเพื่อรับเสด็จ หรือแม้แต่เมื่อพระราชาทอดพระเนตรจากพระบัญชร ก็ควรจะไม่เห็นความรุงรังตา เราเดินผ่านมาพบเข้าพอดี เขาเป็นเพื่อนกับบรรดาช่างดอกไม้บางคนซึ่งมีหน้าที่นำดอกไม้มาขายเพื่อให้ช่างในวังนำไปประดับพระราชวัง เราจึงถามเขาว่า เหตุใดเขาจึงออกมายืนอยู่ริมถนน มีท่าทางกังวลเช่นนั้น เราสิน่าจะกังวล เพราะฝนตกแต่เช้าตรู่ ช่างดอกไม้ไม่ได้ออกไปทำงาน เราจะไม่มีรายได้ เขากำลังคิดจะแก้ปัญหาอย่างไรดี

ธรรมดาแล้ว สิ่งใดที่มีคนต้องการสิ่งนั้นจะมีค่า ถ้าเราต้องการฟืน เราก็ต้องหาซื้อหามาด้วยเงินทอง แต่ถ้าเราไม่ต้องการเศษไม้ เศษไม้ก็ไม่มีค่า อาจจะต้องจ่ายค่าจ้างให้คนกำจัดไป ดังเช่นคนเฝ้าสวนกำลังประสบอยู่ เขาต้องการคนช่วยทำงาน ดังนั้นในเวลานั้น แรงงานมีค่า แต่ฟืนไม่มีราคาสำหรับเขา เพราะเป็นสิ่งที่เขาต้องการกำจัดทิ้งไป

ถ้าเราไปถามซื้อฟืนจากเขา แน่นอนว่าเขาจะเริ่มเล่นตัวและโก่งราคาหรือเขาอาจจะขายไม่ได้ เพราะไม้อยู่ในเขตราชอุทยาน แต่ถ้าเรารอให้เขาจ้างเรา เราก็คงไม่ได้ค่าแรง เพราะเรารู้ว่า คนเฝ้าสวนไม่มีเงินจะจ่ายให้เราเป็นค่าจ้าง ไตร่ตรองดูข้อจำกัดของเขา และผลได้ผลเสียจากแง่มุมต่างๆแล้วเราคิดว่าเรามีทางได้เงินและได้บุญคุณไปด้วยพร้อมกัน เราจะหาเงินโดยการทำให้ฟืนอันไม่มีค่าสำหรับคนเฝ้าสวนเป็นของมีค่าสำหรับผู้ที่ต้องการฟืนเป็นเชื้อเพลิง แต่เราต้องเปลี่ยนสถานที่และสภาพของกิ่งไม้เสียก่อน เราจึงรับอาสาว่า เราจะบริการนำของไปจากสวนนี้ให้โดยไม่คิดค่าจ้าง ขอแต่ให้ของที่เราเก็บเป็นของเรา ให้เรานำจากพระราชอุทยานไปได้ นายคนนั้นก็รับคำว่า เอาไปเถอะ ท่าทางเขาโล่งใจมากเหมือนใครยกความทุกข์และความเหน็ดเหนื่อยที่เขากำลังคาดไว้ในใจถ้าเขาต้องออกแรงทำงานในสวนเองทั้งหมดออกไปจากอกของเขา เราเดินไปหากลุ่มเด็กรุ่นๆที่มักเล่นกันอยู่เป็นประจำที่สนามเด็กเล่น ท้ายพระราชวัง พร้อมกับชักชวนว่า ไปช่วยเราตัดกิ่งใบไม้ออกไปกันไหม เรามีงบอ้อยและน้ำที่นำมานี้ จะเป็นรางวัลในการช่วยเราและยังได้เข่าไปเที่ยวเล่นในพระราชอุทยานอันเป็นที่ต้องห้ามในเวลาปกติอีกด้วย

เด็กเหล่านั้นนึกสนุก ต่างก็แย่งกันขันอาสาที่จะไปช่วยเราเก็บใบไม้กิ่งไม้ เพราะว่าฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆจะวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นก็เฉอะแฉะ ไม่สนุก ได้แต่นั่งจับเข่าหยอกล้อกันอยู่เท่านั้น ข้าพเจ้าอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า นี่เกิดจากปัญญาโดยแท้ ที่ทำให้งานอันต้องใช้เงินจ้าง กลายเป็นของสนุกที่มีเด็กขันอาสามาช่วยกันทำ ถ้าเราไม่ทำการงานอย่างเคร่งเครียดนัก ผลงานจะสำเร็จได้เร็ว และงานบางอย่างที่ดูน่าเบื่อ เราต้องระดมกันทำ ต่างคนต่างก็ทำคนละนิด ช่วยกันคนละไม้คนละมือ งานที่นานจะกลับเร็ว งานหนักจะกลับเบา งานน่าเบื่อหน่ายอาจกลายเป็นงานสนุกก็ได้ อยู่ที่เรามองและสร้างบรรยากาศขึ้นมา

ด้วยกุศโลบายของเรา เด็กๆก็เข้าไปในพระราชอุทยานวิ่งทำงานกันอย่างร่าเริงสนุกสนาน ในเวลาไม่นานนัก ใบไม้ กิ่งไม้ ทั้งใหญ่และน้อยก็ถูกนำออกมากองไว้ที่หน้าประตูพระราชอุทยาน กิ่งไม้เล็กๆกองไว้กองหนึ่ง กิ่งไม้ใหญ่ที่หักตกลงจากต้นไม้ เราได้ทอนลงเป็นท่อนขนาดกำลังใช้ กองไว้ต่างหากอีกกองหนึ่ง พวกเด็กๆรับอาสาจะเทินศีรษะนำกิ่งไม้ขนาดเล็กไปให้เรายังที่อยู่หรือที่ตลาด เขาหวังว่าจะได้งบอ้อยเพิ่มเติม ซึ่งเราบอกว่า วันนี้ทำงานไม่หนักนัก และอากาศไม่ร้อน เขาไม่น่าจะกระหายน้ำ ทำไมไม่รอจนวันพรุ่ง หรือมะรืนเมื่อเขาเล่นจนเหนื่อยและกระหายน้ำ จึงค่อยแวะมาหาเรา เราจะให้รับประทานงบอ้อยในวันนั้นแทน เด็กๆก็ยินดีที่สามารถเลื่อนเวลาการรับของรางวัลออกไปได้อีกวันหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นเวลาที่เขาต้องการมากกว่าในเวลานี้ ขณะที่เรากำลังคิดว่า จะไปหาพาหนะใดมาช่วยขนฟืนที่ทอนไว้เป็นท่อนแล้ว ออกไปขาย หรือว่าควรจะไปบอกขายของแล้วนำผู้ซื้อมารับไปจากหน้าอุทยานเองดีกว่ากัน ก็พอดีมีช่างหม้อหลวงเดินมา เขากำลังเที่ยวหาฟืนอยู่ เพื่อเผาภาชนะดินของหลวง ถ้าให้เขาหาเอง ก็คงต้องเที่ยวไปเก็บในสวนหรือในท้องทุ่ง ซึ่งแม่บ้านของแต่ละบ้านก็มักจะเก็บกันอยู่แล้วทุกวัน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อฟืนหุงอาหาร เขาจึงดีใจนักที่เห็นเรายืนอยู่กับกองฟืนกองโตพร้อมใบไม้กิ่งไม้อีกส่วนหนึ่งที่เด็กบางคนกำลังจะขนไป เขาจึงถามขอซื้อจากเรา แม้ว่าจะเป็นฟืนที่เปียกก็ไม่รังเกียจเพราะเมื่อแดดออกก็ตากให้แห้งได้ แต่ถ้าไม่มีฟืนเสียแล้วเป็นอันหมดท่า วันนั้นเราได้ทรัพย์16กหาปณะ และภาชนะฝีมือประณีต5อย่าง มีตุ่มเป็นต้น ที่ช่างหลวงสัญญาจะจ่ายให้เราเป็นค่าที่เขาไม่ต้องเสียเวลาไปหาฟืน และเชื้อไฟ ทำให้เขาสามารถปั้นหม้อ เผาภาชนะต่างๆได้มากขึ้นกว่าที่คาดไว้

เมื่อเรามีเงินแล้ว เราก็ต้องรู้จักใช้เงิน และการใช้เงินทางหนึ่งก็คือแบ่งปันให้กับผู้อื่นบ้าง แม้เมื่อเรายังมีเงินน้อยอยู่เราก็ทำได้ เราเคยกระหายน้ำมาก่อน และหาน้ำดื่มไม่ได้ในเวลาที่กระหาย เราจึงเริ่มตั้งตุ่มน้ำไว้บริการคนหาบหญ้า500คนด้วยน้ำดื่ม ตั้งแต่เมื่อเราขายฟืนให้ช่างหม้อได้

เรามีเงินไม่มากมายนัก แต่ว่าการให้น้ำก็ไม่ได้ต้องการเงินมากมายอะไร เพียงแต่คอยดูแลให้มีน้ำอยู่เสมอ ก็ดูทุกวันเช้า กลางวันและเย็นไม่เป็นงานหนักหนานัก บางทีพวกเด็กๆก็มาช่วยเติมน้ำให้ด้วย เพื่อแลกกับน้ำอ้อยและบางทีก็เพียงเพื่อแลกกับคำชม คำขอบใจ

พวกคนหาบหญ้าขอบใจเราและหวังตอบแทนน้ำใจของเรา แต่เราไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เราเพียงบอกเขาว่า เมื่อใดต้องการความช่วยเหลือเราจะบอก เราไม่รู้ว่าเมื่อใดเราจะต้องการความช่วยเหลือ แต่เป็นความรู้สึกที่ดีของเราผู้ไม่มีญาติและมิตรในเรือนตน ที่จะมีมิตรอยู่ทั่วไปโดยอาศัยความเอื้อเฟื้อเป็นผู้นำทาง ต่อมาเมื่อเรามีเวลาและมีเงินมากขึ้น และเห็นว่าสิ่งที่เราให้นั้นเป็นประโยชน์ เราก็ได้ตั้งตุ่มไว้ให้คนเรือด้วย คือตั้งไว้ในทางที่คนเรือต้องสัญจรผ่าน เราจึงสามารถปลูกไมตรีไปทั่วด้วยประการดังนี้ วันหนึ่ง ก็เป็นวันที่ไมตรีผลิผลโดยที่เราไม่ได้เรียกร้อง วันนั้นพวกคนทำหญ้าคุยกันว่า พรุ่งนี้จักมีพ่อค้าพาม้ามา500ตัว และคนทำหญ้าก็เล่าให้เราฟังด้วย เป็นไมตรีที่ผู้หยิบยื่นให้ก็ไม่รู้ว่า เขากำลังยื่นทองคำมาให้เรา เพราะเขาคุยกันเฉยๆและคุยให้เราฟัง

การร่วมวงกับคนทำหญ้าทำให้เราได้ข้อมูลมา เราจึงนัดแนะว่า แน่ะท่าน ท่านเคยถามข้าพเจ้าต้องการอะไรตอบแทนที่ข้าพเจ้านำน้ำมาเลี้ยงท่านทุกวัน ข้าพเจ้าจะขอท่านละ พรุ่งนี้ข้าพเจ้าขอหญ้าจากท่านคนละกำ และถ้าข้าพเจ้ายังไม่ได้ขายหญ้า ขอท่านอย่าขายจะได้หรือไม่

คนทำหญ้าต่างก็รับปากกันอย่างแข็งขัน เขาพากันกล่าวว่า ขอเพียงแค่นี้ทำไมจะไม่ได้

วันรุ่งขึ้น คนหาบหญ้าก็ให้แก่เราคนละกำ500คนก็500กำ นำมาไว้ให้ถึงที่ประตูบ้านเลยทีเดียว ตกบ่ายวันนั้นพ่อค้าม้าก็เดินทางมาถึงนครพาราณสี และต้องประหลาดใจมากที่เขาหาซื้อหญ้าไม่ได้ แม้จะตระเวนไปทั่วนครแล้วก็ตาม พวกคนทำหญ้าไม่รู้หายไปไหนหมด เขาเห็นหญ้ากองอยู่ที่หน้าบ้านเรา จึงมาอ้อนวอนขอซื้อ จะราคาเท่าใดก็ได้ เพราะม้าต้องกินหญ้า จะปล่อยให้ม้าอดอยากผอมโซก็คงขายไม่ได้ราคาเขายังต้องอยู่ในเมืองอีกหลายวันทีเดียว แค่วันเดียวเท่านั้นในวันอื่นๆต่อๆมาคนทำหญ้าก็เป็นผู้ขายปกติ เราขอให้เขาขายทีหลังเขาก็ไม่ได้เดือดร้อน เพราะเรื่องม้าจำนวนมากเข้ามาในเมืองเป็นเรื่องของความต้องการส่วนที่เกินกว่าปกติ และเกินต่อมาอีกหลายวัน ต่างคนต่างก็ได้เงินจากการขายหญ้าจำนวนมากขึ้นด้วยกันหมด คนเราขอร้องกันได้เมื่อมีไมตรีต่อกันได้หญ้าจากคนละกำไม่ได้มากมาย

ของเล็กน้อยสำหรับคนหนึ่งคนเป็นของมากได้เมื่อนำมารวมกัน ต้นแม่น้ำคงคามีเพียงหิมะละลาย แต่เมื่อสมทบกับน้ำฝน น้ำธารน้อยใหญ่ กลายเป็นแม่น้ำกว้างที่เราเห็นไหลผ่านเมืองพาราณสี เหมือนขอทานได้เงินทีละสตางค์เดียว แต่รวมแล้วในแต่ละวันอาจได้มากกว่าคนที่บริจาคเงินทำทานให้เขาเสียอีก เราขายหญ้าได้เป็นเงิน1000กหาปณะ

หลังจากที่หาเงินได้ถึง1000กหาปณะแล้ว เราก็ต้องหาลู่ทางทำมาหากินอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที เราพร้อมที่จะตั้งร้านค้าเป็นพ่อค้าได้ เราเริ่มต้นการค้าเล็กๆของเราเอง และเก็บกันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นทรัพย์สินค้าเงินทองมีค่า แต่จุดหักเหในชีวิตของเรายังมีอีก วันหนึ่ง มีเรือสินค้าเข้ามา เรือลำนี้เป็นเรือใหญ่มาจากดินแดนทางใต้ ในเวลานี้คนกำลังรอสินค้าหลายอย่างด้วยพ้นฤดูมรสุมเรือลำนี้บรรทุกสินค้ามาหลายชนิด เช่นน้ำมันมะพร้าว และมะพร้าวลูก เป็นต้น

คนที่ทำงานทางน้ำได้รับข่าวที่ส่งต่อๆกันมาและเขาเล่าให้เราฟัง

เราเห็นลู่ทางจะได้รายได้จากการได้ข่าวล่วงหน้าก่อนพ่อค้าคนอื่นๆเราจึงใช้เงิน8กหาปณะเช่ารถคันหนึ่ง และออกไปพร้อมบริวาร เราไปยังท่าเรือทันทีก่อนที่เรือจะเทียบท่าเสียอีกและก่อนที่พ่อค้าอื่นๆในพาราณสีจะได้ข่าวหรือเตรียมตัวทัน

เราแต่งกายและตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้อันจำเป็นไปเพื่อให้มาดของผู้มียศ เราตั้งกระโจมเพื่อกันแดดกันลม และเพื่อสร้างอาณาบริเวรที่จะกันมิให้ผู้อื่นเข้าถึงตัวเราได้โดยง่าย อันเป็นวิสัยของผู้มียศและเป็นวิธีการสร้างโอกาสในการต่อรองราคาสินค้า

เราได้พบกับนายเรือที่เดินทางล่วงหน้าลงเรือลำเล็กเข้ามาก่อน เราสอบถามเรื่องสินค้าที่เขาบรรทุกมา พร้อมทั้งต่อรองราคาเป็นที่พอใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว เราก็ได้มอบแหวนวงหนึ่งที่เราสวมไปด้วยให้กับเขาเป็นมัดจำค่าสินค้า

หลังจากการเจรจาการค้าสำเร็จเรียบร้อยแล้วเราก็พำนักรออยู่ในกระโจม เราสั่งบริวารไว้ว่าถ้าใครมาหาเรา ให้อิดออดอยู่3ครั้งก่อน พ่อค้าทั้งหลายในเมืองพาราณสีต่างก็ต้องผิดหวังที่จะได้สินค้าจากเรือใหญ่ลำแรกนี้ เมื่อนายเรือบอกว่าเขาได้ตกลงขายสินค้าเหมาทั้งลำเรือไปแล้ว และได้มัดจำไว้เรียบร้อยแล้ว บรรดาพ่อค้ารายอื่นๆซึ่งมีทั้งพ่อค้าในเมืองและจากละแวกใกล้เคียงที่ได้ข่าวเรือและเดินทางมาเพื่อซื้อสินค้า พากันสอบถามจนได้ความว่า พ่อค้าคนที่ซื้อสินค้านั้น พักอยู่ในกระโจม ไม่ไกลจากที่นั้น เขาจึงพากันมายังที่เราพำนักรออยู่ บริวารของเราก็ทำตามที่เรากำหนดไว้คือ ประวิงเวลาไว้สักพักหนึ่ง พอให้พวกพ่อค้าเหล่านั้นรู้สึกกระวนกระวาย และร้อนใจมากขึ้น ก่อนจะเปิดทางให้พวกเขาได้พบกับเรา

สินค้าที่มากับเรือลำนี้ นายเรือก็ได้แจงให้พ่อค้าทั้งหลายทราบ เหมือนกับที่เราได้ทราบ และได้ตรวจดูสินค้าบางส่วนไปแล้ว พ่อค้าแต่ละรายรู้ว่าเขาต้องมีสินค้าขาย และสินค้าที่มากับเรือลำนี้เป็นสินค้าคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของชาวเมืองและแม้แต่พระราชา พ่อค้าจึงต่างก็หาวิธีการจะให้มีส่วนได้แบ่งสินค้านี้ไปขาย เราสรุปการตกลงทางการค้าได้ว่า พวกพ่อค้าเหล่านั้นยินดีเข้าหุ้นกับเรา ทำให้เราได้เงินมา100000กหาปณะ เพื่อเป็นหุ้นส่วนในสินค้าทั้งลำเรือ อันเป็นสินค้าที่พ่อค้าแต่ละคนต้องจัดการ พอคิดไปได้สักครู่หนึ่งว่าจะจัดแบ่งสินค้าอย่างไรระหว่างเรากับเขา เพราะเมื่อแบ่งสินค้ากันแล้ว เราก็จะเป็นผู้มีสินค้าต่างๆอยู่ในมือมากที่สุด คือถึงกึ่งหนึ่งที่พวกเขามี เราก็ได้รับข้อเสนอใหม่ว่า พ่อค้าแต่ละคนต่างก็ตกลงจ่ายให้เราอีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้เราปล่อยหุ้น เขาแต่ละคนจะได้เหมาสินค้าส่วนที่เขาต้องการไปเป็นของร้านค้าของเขาทั้งหมด เราได้ทรัพย์ติดตัวกลับมาจากการขายสินค้าในครั้งนี้200000กหาปณะ

ความมีน้ำใจ ความเป็นมิตรและเอื้อเฟื้อต่อคนทำงานทางน้ำ ทำให้เขารู้สึกว่าอยากตอบแทนความเอื้อเฟื้อของเรา และเราออกไปดูแลทุกข์สุข เอาใจใส่กับน้ำท่า และพูดคุยกับเขาด้วย หากว่าเราสั่งแต่บริวารให้ออกไป หรือเราอยู่ห่างไกลจนคนเข้าไปไม่ถึง เราย่อมได้ข่าวสารล่าช้า หรือบางทีชาวเรือก็อาจจะไม่เห็นว่าเป็นข่าว เพราะเขาเองก็ไม่ได้เห็นลู่ทางหาเงินจากการที่มีเรือสินค้าเข้ามา เขาพอใจที่รู้ว่าจะมีงานให้เขาทำ ซึ่งหมายถึงว่าเขาจะได้ค่าจ้างมากขึ้น สิ่งที่เขาพูดกัน เขาอาจจะมุ่งหมายเพียงบอกเล่าสู่กันฟัง

อยู่ที่ปัญญาของผู้รับฟังที่จะถอดรหัสข่าวสารออกมาเป็นวิธีการ ที่จะสร้างกำไร เราต้องรู้จักประมาณตนเอง และรู้ว่าเมื่อใดควรจบเรื่อง เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆในชีวิต เราต้องมีเงินบ้างจึงจะเจรจาจนกระทั่งสามารถทำให้นายเรือเชื่อถือและรับมัดจำของเราไว้ แต่ท่านก็รู้จากเรื่องที่เราเล่าว่า เราไม่ได้มีเงินมากมายพอจะซื้อสินค้ามาไว้ในมือจำนวนมากได้ เราเพียงแต่กะเก็งความต้องการของพ่อค้าอื่นๆและคว้าโอกาสเท่าที่โอกาสเปิดเท่านั้น อีกประการหนึ่ง เราไม่ต้องการแข่งขันกับพ่อค้าอื่นๆที่เขาขายสินค้านั้นๆอยู่แล้ว จะเป็นการสร้างศัตรูที่ไม่จำเป็น ตราบเท่าที่เรายังมีปัญญา เราต้องหาทางก่อร่างสร้างตัวได้ด้วยกิจการอื่น ที่ได้ประโยชน์ต่อผู้อื่น และไม่เบียดเบียนผู้ที่ทำกิจกรรมอยู่แล้ว

เราได้เงินมา200000กหาปณะ ซึ่งมากมายล้นเหลือในชีวิตของเรา

เรานั้นเมื่อได้ทรัพย์มาแล้ว ก็มาคิดว่าที่เรามีทรัพย์ได้ถึงเพียงนี้ เป็นเพราะท่านจุลลกะ เป็นผู้ชี้เรื่องหนูตาย ทำให้เราได้ความคิด เราควรมีความกตัญญู เราจึงไปขอพบท่านจุลลกเศรษฐี แล้วแบ่งทรัพย์ให้ท่านกึ่งหนึ่ง ในชั้นต้น ท่านเศรษฐีสงสัยว่า เราแบ่งทรัพย์ให้ท่านทำไม และซักถามว่าเราไปทำอะไรมาจึงได้ทรัพย์ถึงปานนี้ เราจึงได้เล่าเรื่องนับตั้งแต่หนูตายเป็นต้นมา ให้ท่านจุลลกะฟัง ท่านได้รับฟังเรื่องของเราแล้ว ท่านพอใจในความกตัญญูและความรู้จักหาทรัพย์ของเรา ท่านจึงกรุณายกธิดาของท่านให้เป็นภริยาของเรา เราสองคนสามีภรรยาก็ได้ทำงานมีกิจการของตนเอง และยังช่วยงานท่านจุลลกเศรษฐีต่อมา เมื่อท่านจุลลกเศรษฐีถึงแก่กรรม พระราชาจึงแต่งตั้งให้เราเป็นเศรษฐีแห่งพาราณสีสืบต่อมา






จุลลก เศรษฐี เศรษฐี จุลลก,ท่าน จุลลก เศรษฐี ,เศรษฐี ชื่่อ จุุลลก หรือ ท่าน จุลลก , มหาเศรษฐี จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี จุลลก,ท่าน จุลลก เศรษฐี ,เศรษฐี ชื่่อ จุุลลก หรือ ท่าน จุลลก , มหาเศรษฐี จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี จุลลก,ท่าน จุลลก เศรษฐี ,เศรษฐี ชื่่อ จุุลลก หรือ ท่าน จุลลก , มหาเศรษฐี จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี จุลลก,ท่าน จุลลก เศรษฐี ,เศรษฐี ชื่่อ จุุลลก หรือ ท่าน จุลลก , มหาเศรษฐี จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี จุลลก,ท่าน จุลลก เศรษฐี ,เศรษฐี ชื่่อ จุุลลก หรือ ท่าน จุลลก , มหาเศรษฐี จุลลก ,

จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู็ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,จุลลก เศรษฐี,นิทาน เศรษฐี,เศรษฐี สมัย พุทธกาล,ผู็เป็นแรงบรรดารใจ การสร้างตัว,การสร้างเนื้อสร้างตัว,ตัวอย่างการสร้างเนื้อสร้างตัว,รวยด้วยหลักธรรมพระพุทธเจ้า,เศรษฐี ผู้ รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว จุลลก เศรษฐี,รำ่รวย,เศรษฐี ,วิถีแห่ง เศรษฐี,การสร้างฐานะให้ร่ำรวย ด้วย ปัญญา,อยาก รวย ,ร่ำรวย โดย ปัญญา,นิทาน ชาดก จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู็ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,จุลลก เศรษฐี,นิทาน เศรษฐี,เศรษฐี สมัย พุทธกาล,ผู็เป็นแรงบรรดารใจ การสร้างตัว,การสร้างเนื้อสร้างตัว,ตัวอย่างการสร้างเนื้อสร้างตัว,รวยด้วยหลักธรรมพระพุทธเจ้า,เศรษฐี ผู้ รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว จุลลก เศรษฐี,รำ่รวย,เศรษฐี ,วิถีแห่ง เศรษฐี,การสร้างฐานะให้ร่ำรวย ด้วย ปัญญา,อยาก รวย ,ร่ำรวย โดย ปัญญา,นิทาน ชาดก จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู็ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,จุลลก เศรษฐี,นิทาน เศรษฐี,เศรษฐี สมัย พุทธกาล,ผู็เป็นแรงบรรดารใจ การสร้างตัว,การสร้างเนื้อสร้างตัว,ตัวอย่างการสร้างเนื้อสร้างตัว,รวยด้วยหลักธรรมพระพุทธเจ้า,เศรษฐี ผู้ รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว จุลลก เศรษฐี,รำ่รวย,เศรษฐี ,วิถีแห่ง เศรษฐี,การสร้างฐานะให้ร่ำรวย ด้วย ปัญญา,อยาก รวย ,ร่ำรวย โดย ปัญญา,นิทาน ชาดก จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู็ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,จุลลก เศรษฐี,นิทาน เศรษฐี,เศรษฐี สมัย พุทธกาล,ผู็เป็นแรงบรรดารใจ การสร้างตัว,การสร้างเนื้อสร้างตัว,ตัวอย่างการสร้างเนื้อสร้างตัว,รวยด้วยหลักธรรมพระพุทธเจ้า,เศรษฐี ผู้ รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว จุลลก เศรษฐี,รำ่รวย,เศรษฐี ,วิถีแห่ง เศรษฐี,การสร้างฐานะให้ร่ำรวย ด้วย ปัญญา,อยาก รวย ,ร่ำรวย โดย ปัญญา,นิทาน ชาดก จุลลก ,จุลลก เศรษฐี เศรษฐี ผู็ รำ่รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว,จุลลก เศรษฐี,นิทาน เศรษฐี,เศรษฐี สมัย พุทธกาล,ผู็เป็นแรงบรรดารใจ การสร้างตัว,การสร้างเนื้อสร้างตัว,ตัวอย่างการสร้างเนื้อสร้างตัว,รวยด้วยหลักธรรมพระพุทธเจ้า,เศรษฐี ผู้ รวย ด้วย หนู ตาย ตัว เดียว จุลลก เศรษฐี,รำ่รวย,เศรษฐี ,วิถีแห่ง เศรษฐี,การสร้างฐานะให้ร่ำรวย ด้วย ปัญญา,อยาก รวย ,ร่ำรวย โดย ปัญญา,นิทาน ชาดก จุลลก ,

ไม่มีความคิดเห็น:

ค้นหาโดย google